ในหมู่โรคไม่ติดต่อ เรามักจะเป็น App ที่เกี่ยวข้องกับ โรคเบาหวาน ความดัน โรคอ้วน มาก แต่ App สำหรับปัจจัยเสี่ยงสำคัญของกลุ่มโรคนี้อย่างการสูบบุหรี่ นั้น กลับไม่เป็นที่พูดถึงกันสักเท่าไหร่ ทั้งที่เราล้วนทราบกันว่า การสูบบุหรี่นั้นเป็นปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ทั้งโรคหัวใจ มะเร็งปอด และอื่นๆ อีกมากมาย
วันนี้เลยจะพาไปดูแนวคิดของ App ช่วยเลิกบุหรี่ของออสเตรเลียครับ
ตัว App นั้นมีส่วนที่เหมือนกับ app ของกลุ่มโรคเบาหวานความดันอยู่มาก เช่น การบันทึกความก้าวหน้าของตนเอง เช่น วันนี้สูบไปกี่ครั้ง รวมถึงระบบ จะกำหนดเป้าหมายให้เราบรรลุด้วย เช่น ตั้งเป้าว่าจะไม่สูบติดกันกี่วัน เป็นต้น และมี Dashboard แสดงความคืบหน้าให้เสร็จสรรพ
![](https://raynus.wordpress.com/wp-content/uploads/2021/02/532e54ecf1cde203b22a149985ebcda3.png)
![](https://raynus.wordpress.com/wp-content/uploads/2021/02/a0c151245aaf30894bd5d30de55ca658.png)
แต่ท่านที่เคยทำงานด้านนี้มาคงจะทราบว่า มันไม่ง่าย เพราะผู้ป่วยจะต้องต่อสู้กับอาการอยาก/ ลงแดง ที่เรียกว่า Craving อยู่ ซึ่งยากไม่น้อย ตัว App จึงมีตัวช่วยให้ คือ ส่วนที่เรียกว่า ‘Motivate Me’
- ใส่ภาพครอบครัว และลูกไว้ ผู้เลิกบุหรี่หลายๆ ท่านสำเร็จมาด้วยวิธีนี้
- ข้อความให้กำลังใจ
- ติดต่อ เพื่อน หรือ coach สำหรับปรึกษาที่เรียกว่า Quit Buddy และขอความช่วยเหลือ
- กดปุ่มแดง เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ต่อสู้กับความอยากบุหรี่
![](https://raynus.wordpress.com/wp-content/uploads/2021/02/4b9ca13cbb8a5327f37359cc3d2cd107.png)
![](https://raynus.wordpress.com/wp-content/uploads/2021/02/9749c195f43952e66d2808efff907ba7.png)
น่าเสียดายว่า ตัวระบบนั้นทดสอบในจำนวนไม่มากนัก และพบว่าทำให้การเลิกบุหรี่ได้ดีกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ใช้ App เล็กน้อย จากการสัมภาษณ์นั้น พบว่า นอกจากตัว App เองแล้ว ส่วนประกอบอื่นๆ เช่น สังคม ค่านิยมในการสูบบุหรี่ กำลังใจ จากผู้คนรอบข้าง ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญอยู่
![](https://raynus.wordpress.com/wp-content/uploads/2021/02/08a54ace9ff7abd744c788f64274844c.png)
ดังนั้นเราจึงควรมองตัว App เป็นส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของมาตรการครับ ดังนั้นทุกท่านจะเห็นผมใช้คำว่า “แยกกันตี” บ่อยๆ 🙂